รุ่นที่ 1 (พ.ศ. 2542-2548) ของ โอเปิล ซาฟิร่า

โอเปิล ซาฟิร่า รุ่นที่ 1

โอเปิล ซาฟิร่า รุ่นที่ 1 เริ่มผลิตในปี พ.ศ. 2542 โดยเริ่มจัดแสดงเป็นรถต้นแบบในงานแฟรงเฟิร์ทมอเตอร์โชว์ปี พ.ศ. 2540 ใช้ชื่อว่า Zafira A โดยใช้แพลตฟอร์มร่วมกับโอเปิล แอสตร้า รุ่น Astra G แบบ T-Body ซาฟิร่ารุ่นนี้มีเครื่องยนต์เบนซิน 1.6 ,1.8 ,2.0 และ 2.2 ลิตร และเครื่องยนต์ดีเซลรุ่น 2.0 และ 2.2 ลิตร ระยะฐานล้อ 2,694 มม. ความยาว 4,317 มม. ความกว้าง 1,742 มม. ความสูง 1,684 มม. และน้ำหนัก 1,320-1,560 กก. มีฐานการประกอบอยู่ที่ประเทศเยอรมนี ,โปแลนด์ ,ไทยและบราซิล

ในประเทศไทย ซาฟิร่ารุ่นนี้เปิดตัวเมื่อปี พ.ศ. 2543 ทำตลาดโดยใช้แบรนด์เชฟโรเลต โดยเป็นรถประกอบในประเทศไทย ถือเป็นการนำเอาตลาดรถ MPV กลับมาบุกเบิกตลาดอีกครั้ง หลังจากที่มี มิตซูบิชิ สเปซ วากอน เข้ามาทำตลาดในช่วงสั้นๆ ก่อนหน้านั้น โดยได้รับความนิยมมาก ขายได้ในระดับหลายร้อยคันต่อเดือน แม้จะไม่หวือหวานัก และส่งออกไปยังประเทศญี่ปุ่นในชื่อ ซูบารุ ทราวิค (อังกฤษ: Subaru Traviq) ทำให้มีคู่แข่งใหม่ๆ เข้ามาทำตลาดมากมาย เช่น ฮอนด้า สตรีม ,เกีย คาเรนส์และโตโยต้า วิช เป็นต้น สาเหตุที่ GM Thailand นำมาขาย เนื่องจากการเป็นตัวแทนจำหน่ายรถของ GM กับพระนครยนตรการได้สิ้นสุดลง โดยในระยะแรก GM คิดจะนำ Opel Astra มาขาย แต่น่าจะไม่สามารถแข่งกับเจ้าตลาดได้ จึงนำ Zafira เข้ามา จุดเด่นคือใช้ช่วงล่างสไตล์ยุโรป และการจัดที่นั่งแบบ Flex-7 และมีแคมเปญการตลาดออกมาเรื่อยๆ เช่น แคมเปญซูชิกับสเต็ก (ดาวน์ 0% แล้วออกรถได้ทันที) และขายมาเรื่อยๆ จนถึงปี พ.ศ. 2548

โดย Chevrolet Zafira ในประเทศไทย ได้มีการปรับตามรุ่นปีดังนี้

พ.ศ. 2543

  • เปิดตัวอย่างเป็นทางการที่งาน BOI Fair 2000 ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2543 โดยจำหน่ายรุ่น 1.8 GL และ 1.8 CD พร้อมเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร รหัส X18XE ECOTEC 4 สูบ แถวเรียง 16 วาล์ว

พ.ศ. 2544

  • มีการเพิ่มรุ่นย่อยใหม่ 2.2 CDX พร้อมเครื่องยนต์ 2.2 ลิตร รหัส Z22SE ECOTEC 4 สูบ แถวเรียง 16 วาล์ว กำลังสูงสุด 144 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 203 นิวตันเมตร
  • มีการเปลี่ยนรหัสใหม่ในเครื่องยนต์ 1.8 ลิตรทุกรุ่นย่อย เป็นรหัส Z18XE ECOTEC 4 สูบ แถวเรียง 16 วาล์ว กำลังสูงสุด 123 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 170 นิวตัน-เมตร
  • มีการเพิ่มรุ่นย่อยใหม่ 2.2 LT ในปลายปีเดียวกัน โดยได้เพิ่มชุดตกแต่งลายไม้ ที่วางแขนคนขับ ปุ่มควบคุมเครื่องเสียงบริเวณพวงมาลัย พวงมาลัยหุ้มหนังแท้ เบาะหนังแท้ และมีไฟตัดหมอกเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
  • มีการออกรุ่นพิเศษในรุ่น 2.2 LT พร้อมสีทูโทนและล้ออัลลอย 5 ก้านคู่

พ.ศ. 2545

  • มีการเพิ่มรุ่นย่อยใหม่ 2.2 Sport ด้วยชุดแต่งสปอร์ตรอบคัน ล้ออัลลอย 5 ก้าน คิ้วโป่งล้อและกาบข้างประตูรถเป็นสีเดียวกับตัวรถ เบาะหนังแบบสปอร์ตพร้อมพวงมาลัยหุ้มหนังแท้แบบสปอร์ต และระบบ Cruise Control เป็นอุปกรณ์พิเศษ
  • มีการปรับอุปกรณ์ใหม่ในรุ่น 2.2 ทุกรุ่นย่อยคือ มีไฟตัดหมอกเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน คิ้วโป่งล้อ, มือจับเปิดประตูและฝาท้าย และคิ้วกันกระแทกด้านข้างเป็นสีเดียวกับตัวรถ พร้อมเบาะหนังสีเบจให้เลือก

พ.ศ. 2546

  • มีการปรับโฉมทุกรุ่นย่อยโดยเปลี่ยนไฟท้ายใหม่ แผงมาตรวัดสีดำพร้อมกรอบโครเมี่ยมและคอนโซลหน้าสีน้ำตาลในรุ่น 2.2 ทุกรุ่นย่อย ปุ่มควบคุมเครื่องเสียงบริเวณพวงมาลัยพร้อมระบบ Cruise Control เป็นอุปกรณ์มาตรฐานในรุ่น 2.2 LT และ Sport และแผงมาตรวัดสีขาวในรุ่น 1.8 ทุกรุ่นย่อย

พ.ศ. 2547

  • มีการปรับโฉมทุกรุ่นย่อยโดยเปลี่ยนกระจังหน้งใหม่แบบ Dual Port และล้ออัลลอยใหม่ 7 ก้าน 15 นิ้วในรุ่น 1.8 CD, 2.2 CDX และ 2.2 LT และล้ออัลลอยใหม่ 10 ก้าน 16 นิ้วในรุ่น Sport

พ.ศ. 2548

  • ยุติการทำตลาด